ซึ่งเราจะมาวิเคราะห์ว่าหวยกับหุ้นอะไรดีกว่ากัน หวยหรือว่าลอตเตอรี่ จริงๆแล้วเราคิดว่ามันคือการเสี่ยงโชคมันคือดวงล้วนๆแต่เรื่องหุ้นมันเป็นการวิเคราะห์เรากำลังพูดถึงการลงทุ่นในระยะยาวมันต้องวิเคราะห์มันต้องใช้ความรู้แต่หวยหรือลอตเตอรี่มันต้องใช้ดวงล้วนๆเลยอันนึงใช้ระบบขูดเอาอีกอันใช้ฟังเอาว่าใครพูดอะไรทะเบียนรถอะไรใช้ระบบสังเกต

เพราะฉะนั้นแล้วเราจะถามว่าฝึกอะไร ฝึกสังเกตที่นี่แล้วทำไมคนเราถึงชอบเล่นหวยรู้ไหมหนึ่งในวิจัยก็คือมันมีฮอร์โมนตัวหนึ่งหลั่งเวลาที่คุณลุ้นอะไรก็ตามมันเป็นฮอร์โมนของความสุขอย่างเช่นคุณเล่นโซเชียลมีเดียไอจีหรืออะไรก็ได้คุณโพสรูปไปในระหว่างนั้นคุณจะรอว่าจะมีคนเข้ามากดไลค์รูปของคุณหรือเปล่านั่นแหละคือฮอร์โมนมันหลั่งแล้วทำให้คุณติดโซเชียลงมงายเพราะว่าฮอร์โมนพวกนี้มันหลั่ง

นอกจากนี้ก็เหมือนกันทุกวันที่หนึ่งกับ16มันก็หลั่งมันก็เหมือนกับนาฬิกาของคุณมันก็ทำงานวันที่1กับ16มันจะมีเอนเนอร์จีเป็นพิเศษระหว่างนั้นอีกสองอาทิตย์ก็ต้องคอยสังเกตการณ์เพื่อที่จะได้มาหา เลข เอาจริงถามพูดถึงเลขท้ายสามตัวใช่ไหม

โดยโอกาศที่มันจะถูกจริงๆมันคือ1ใน1,000มีความเป็นไปได้ไหมตั้งแต่ศูนย์จุดศูนย์ๆไปจนถึงเก้าสามตัวก็คือ0.001%ประมาณนี้

นอกจากนี้เรามาดูเรื่องหุ้นกันบ้างหุ้นมันจะต้องอาศัยในการทำการบ้านเยอะมันจะต้องอาศัยการวิเคราะห์มันไม่ใช่ว่าลงไปมันจะได้ผลตอบแทนดีเลยรู้น้อยมันก็อาจจะทำให้คุณติดลบได้เช่นกันแต่ถ้าคุณมีความรู้และมีวินัยจริงต้องบอกว่ามันจะสร้างความง่ายให้กับคุณได้แม้เงินคุณไม่ได้เยอะก็ตามแต่คุณจะต้องเข้าใจก่อนว่าจะต้องให้เวลามันนิดนึง

เนื่องจากนี้เราจะมาลองใช้เงินไม่เยอะดูแล้วกันเปรียบเทียบให้มันเท่าๆกันสองฝั่งเลยว่าลงอะไรดีกว่ากันจริงๆไม่ต้องทำก็น่าจะรู้แล้วไหมว่ามันไม่ควรที่จะไปเล่นหวยเลย ( เพราะว่าโอกาศมันไม่มีเลย  ) มันต้องใช้ดวงล้วนๆเลย สมมุติว่ามีคนอยู่สองคนอีกคนหนึ่งเฉลี่ยไปซื้อหวยไปเรื่อยๆสัก20ปีอีกคนเฉลี่ยลงทุนในหุ้น20ปีเหมือนกันด้วยเงินเท่ากันเดือนละ1,000บาท

ซึ่งนี่มันคือการลงทุนในหุ้นหรือกองทุนขอให้คุณเฉลี่ยซื้อเฉลี่ยกันไปเลยที่เรียกว่าdca หรือว่า Dollqr Cost Averqgeมันก็คือการลงทุนแบบมีวินัยสม่ำเสมอไปเรื่อยๆแบบนี้แล้วจะได้ผลตอบแทนที่10%เราใช้เวลากัน20ปีแข่งกัน

ได้รับการสนับสนุนโดย  บาคาร่าอันไหนดี

ภาษีในบ้านเรามีอยู่4แหล่งด้วยกันเมื่อเขาได้ภาษีมาแล้วถูกนำเอาไปใช้อะไรบ้างและประเทศพัฒนาแล้วมันชี้วัดกันยังไงเรามีความรู้ดีๆมาฝากกัน

Benjamin Franklin ได้กล่าวเอาไว้ว่าโลกนี้มีความไม่แน่นอนมากมายมีเพียง2สิ่งเท่านั้นที่แน่นอนคือความตาย และ ภาษี

เราจะมาคุยกันในเรื่องของภาษีว่ามันมายังไงแล้วมันไปยังหรือไปไหนหรือทั้งหมดที่คุณควรจะรู้เราได้เอาความรู้มาให้คุณแล้วในนี้

นอกจากนั้นยังมีสถิติและข้อมูลที่ย่าสนใจอีกมากมาย อันดับแรกเลย ภาษี คืออะไร ภาษี คือเงินที่รัฐนั้นจัดเก็บกับประชาชนและก็ผู้ประกอบการเพื่อเป็นรายได้ของรัฐเอาไว้พัฒนาเศรษฐกิจประเทศและก็สังคม 

ภาษีนี้ได้อยู่คู่กับมนุษย์คนเรามานานมากแล้วย้อนกลับไปตั้งแต่ “ เมโสโปเตเมีย “โรมัน “ ที่เมืองจีนเขาก็ใช้แต่ภาษี VAT พึ่งจะเกิดขึ้นในปี1954คิดค้นโดยคนฝรั่งเศสแพร่ไหลไปที่ยุโปรจากนั้นก็ขยายไปทั่วโลกเลยมาถึงเมืองไทยเราด้วยที่นี่ ภาษี ในบ้านเรามาจากที่ไหนบ้าง หลักๆมีอยู่4แหล่งด้วยกัน 

แหล่งที่หนึ่ง ภาษีเงินได้จากบุคคลธรรมดาซึ่งตรงจุดนี่คิดเป็น15% แหล่งที่สอง คือ ภาษีนิติบุคคล ก็คือบริษัททั้งหลายรวมไปจนถึงบริษัทที่มีขนาดใหญ่ SMEมีประมาณ3ล้านกว่าราย มีบริษัท มหาชน จำกัด อีกประมาณ700กว่ารายแต่มีคนหรือว่ามีบริษัทที่จ่ายภาษีนิติบุคคลอยู่ที่1.5แสนรายเท่านั้นคิดเป็น29%ของภาษีประเทศ

แหล่งที่สามคือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ  VAT ภาษีนี้จะอยู่ทุกแหล่งทุกคนจะได้มีโอกาสได้ลองมันอยู่ทุกอย่างได้มีการบวกไปแล้วไม่ว่าตั้งแต่การซื้อหน้ากากยันซื้อรถยนต์เลย ทีนี่แล้ว ภาษี  VAT คิดเป็นเท่าไหร่ คิดเป็น37% แหล่งที่สี่ คือ อากรต่างๆ คิดเป็น19%ที่เหลือนั้นเองมันมาจากไหนบ้างภาษีพิเศษ ภาษีนำเข้า แล้วก็ ภาษีน้ำมัน เป็นต้น

นอกจากนี้เรามาฟังสถิตินี้กันแล้วคุณจะตกใจ ประเทศไทยเรามีประชากรประมาณ70ล้านคนฉะนั้นมีคนยื่นภาษีจริงๆประมาณ10ล้านคนมีจ่ายจริงเพียงแค่4ล้านคนเท่านั้นเอง 4ล้านคนเก็บภาษีได้ประมาณ3แสนล้านบาท6ล้านที่เหลือไม่ใช่ว่าเขาไม่จ่ายคือเขาก็ยื่นเหมือนกันแต่ว่ารายได้ของเขาไม่ถึง1.5แสนบาท/ปีเขาเลยไม่ต้องจ่านภาษี 

จากตัวเลขนี้ก็เริ่มเห็นแล้วใช่ไหมว่ามันไม่ค่อยสมดุลถ้าจะมีคนจ่ายภาษีเพียงแค่4ล้านแต่จ่ายนี่จะต้องถูกจ่ายไปช่วยคน70ล้านคนนั่นมันได้เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงเอามาให้ทุกคนได้รู้กันมันก็จะทำให้คุณนั้นมีรายได้เพิ่มมากขึ้นจ่ายภาษีเพิ่มมากขึ้นประเทศชาติเจริญขึ้น

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยที่กำลังพังลง จากผลกระทบของไข้ไวรัสโควิด19 ซึ่งก่อนหน้าที่จะเกิดวิกฤตินี้ เศรษฐกิจไทยก็โซซัดโซเซอยู่แล้ว และเหมือนดั่งคลื่นสึนามิ ที่ซัดเข้ามาที่เดียวพังทลายลงทันที นอกจากผลกระทบต่อชีวิต ที่ต้องสูญเสียแล้ว

แต่ในด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจเสียหายไปทุกแห่ง และที่เสียหายก่อนใครเพื่อนคือธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหารตามแหล่งท่องเที่ยว สายการบิน กลุ่มนี้ได้รับผลกระทบเป็นลำดับแรกๆ แต่กลับไม่ได้รับการเยียวยาเลย หลายๆที่ หลายๆแห่ง

และหลายๆ ธุรกิจที่เลิกจ้างงานชั่วราว ลดเวลาการทำงานจากเต็มเดือนเหลือแค่ห้าวัน หลายที่ลดค่าจ้าง ตัดจนไม่เหลืออะไรจะให้ตัดค่าใช้จ่ายแล้ว หลายเริ่มวิตกกังวลว่า อาจจะไม่ได้ตายด้วยไข้ไวรัส แต่จะตายด้วยการอดตาย

ส่วนฝั่งนายจ้างหรือเจ้าของธุรกิจก็ไม่ได้มีทางออกใดใดเลย โรงแรมหนึ่งร้อยห้อง มีแขกเข้ามาพักแค่สี่ห้อง แล้วจะทำอย่างไรดี

ผู้ประกอบการรายหนึ่งบอกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย รัฐบาล พยายามออกมาตรการในเรื่องของสินเชื่อ พักหนี้เงินต้น พักดอกเบี้ยนั่น เป็นแค่ฉากหน้าที่พยายามโปรโมทให้ตัวเองสวยหรูของธนาคารเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติจริงไม่ได้ทำให้กับประชาชนจริงๆ ซึ่งรายหนี้ได้เดินเข้าไปคุยกับธนาคารแห่งหนึ่งมา แล้วบอกว่าเค้าเป็นหนี้เสีย ต้องจ่ายให้หมดก่อน หรือไม่ให้ค้างเกินสามงวด จึงจะเข้าร่วมโครงการได้ แล้วเค้าจะไปหาเงินที่ไหนในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้

ส่วนอีกรายก็เจอลักษณะรูปแบบคล้ายๆ กันกับรายแรกว่า ต้องหาเงินมาจ่ายสามหมื่นบาทก่อนจึงจะพักหนี้ได้ แต่พอไปพยายามหามาให้แล้วนั้น วันถัดมากลับบอกว่า สำนักงานใหญ่บอกไม่อนุมัติ เหมือนหลอกกันชัดๆ เพราะนี่คือเงินก้อนสุดท้ายที่เค้าควรจะเก็บไว้ใช้ในยามที่สถานการณ์ไม่รู้จะคลี่คลายจบลงเมื่อไหร่หรือเปล่า

เจ้าหนี้ธนาคารแต่ละแห่งจะชี้แจ้งกับลูกค้าคล้ายๆกัน โดยให้หาเงินมาปิดยอดหนี้ค้างให้ได้ก่อน ทั้งยอดหนี้เงินต้นและยอดดอกเบี้ย ยอดเงินประกัน ซึ่งไม่มีทางออกให้ลูกค้าเลยทั้งที่ทางการได้ให้นโยบายมาแล้วในการช่วยเหลือฟื้นฟู 

รัฐบาล ธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารทั้งหลายควรย้อนกลับไปคิดดู ว่าที่ทำกันอย่างนี้ มันเหมือนทำนาบนหลังคนหรือไม่ สถานการณ์แบบนี้ต้องช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ เฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุขกันแล้ว ต้องเลิกประเภทฟันลูกค้าท่าเดียว ธนาคารจะอยู่อย่างไร เดินไปข้างหน้าได้อย่างไร ถ้าคนทำธุรกิจหรือลูกค้าเจ๊งกันหมด จะมีประโยชน์อะไร ที่จะทำธุรกิจบนซากปรักหักพัง ที่ไม่ต่างกับการทำนาบนหลังคน 

สนับสนุนโดย  หวยออนไลน์บาทละ 1000